เทศกาลถือศีลกินเจ

เมื่อใดก็ตามที่เราเห็นธงสีเหลือง ประทับตัวอักษรสีแดง ว่า เจ แล้วล่ะก็

แสดงว่าเทศกาลกินเจมาถึงแล้ว !!

ซึ่งธงนี้มีความหมายสำคัญ โดยในภาษาจีน คำว่า ไจ หรือ เจ หมายถึง การไม่กินของคาว ไม่มีเนื้อสัตว์

สีเหลือง เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธศาสนา และสีแดง ตามความเชื่อของชาวจีนบ่งบอกถึงความเป็นสิริมงคล

หากจะกล่าวถึงที่มาของการกินเจ มีหลายความเชื่อ และหลากหลายตำนาน ไม่ว่าจะเป็น

•  การถือศีล บูชาเทพเจ้าแห่งความตายเพื่อเป็นการต่อชีวิต
• การถือศีลของพระราชาของจีน เพื่อเข้าเฝ้าองค์เทพเพื่อขอความช่วยเหลือ  ในยามที่บ้านเมืองมีปัญหา
• กลุ่มนักรบหนึ่งที่มีความเชื่อเรื่องการกินเจ นุ่งขาวห่มขาว จะสามารถเอาชนะปืนไฟได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับชาวแมนจู
• คณะงิ้วจากจีน มาทำการแสดง ในจ. ภูเก็ต แล้วประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย (การกินผัก อาหารที่มาจากธรรมชาติ) เพื่อให้หายจากอาการเจ็บป่วย
• การสักการะบูชาพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมทั้งหมดเป็น 9 พระองค์ จึงเป็นที่มาให้ ศาลเจ้า โรงเจ และสถานที่จัดงานเจต่าง ๆ มีการ จุดตะเกียง 9 ดวง ไม่มีการดับ ทั้งวันทั้งคืน

•  ไม่กินเนื้อสัตว์ รวมถึง นม เนย และผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม ต้นหอม หัวหอม กุ้ยช่าย  และใบยาสูบ เป็นต้น
• แต่ก็มีอาหารที่กินได้ เช่น ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นม ครีมเทียม ขนมปังเจ มาม่าเจ ช็อกโกแลต 100% เป็นต้น
• ไม่กินอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เผ็ดจัด เค็มจัด เป็นต้น
• ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมาทุกชนิด
•  กินอาหารจากคนปรุงที่ถือศีลกินเจเหมือนกัน
• ใช้ภาชนะบรรจุอาหาร แยกกับคนที่ไม่กินเจ
• ถือศีล สำรวม กาย วาจา ใจ

นอกเหนือจากการทำบุญแล้ว การกินเจก็เหมือนเป็นการชำระล้างสารพิษภายในร่างกาย (ดีท็อก) เพราะผักและผลไม้ที่เรากินเข้าไปเป็นกากไย มีประโยชน์ต่ออวัยวะในการทางเดินอาหารและการขับถ่าย

 
ใน 1 ปี ลองกินเจหรืองดกินเนื้อสัตว์สัก 1 อาทิตย์ แล้วคุณจะได้พบความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หน้ามันน้อยลง ผิวดูใสขึ้น การขับถ่ายดีขึ้น หรือแม้แต่น้ำหนักตัวที่เพิ่มสูงขึ้น (ก็อาหารเจ มันอร่อยนี่หน่า  ;> )

ไม่ลองไม่รู้ “อร่อยดี มีประโยชน์ แถมยังได้บุญอีกต่างหาก”

ข้าวดีดีไทย มีเมนูเจทำง่ายๆ มาฝาก คลิกเลย >> "ข้าวอบเผือกเจ"